บทความ | 3704 วิว
เพชรเป็นอัญมณีที่มักถูกนำมาใช้เป็นเครื่องประดับต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแหวน, จี้, ต่างหู, สร้อยข้อมือ ฯลฯ โดยเฉพาะเป็นเครื่องประดับสำหรับสวมใส่ในงานสำคัญ เช่น งานแต่งงาน ซึ่งได้รับการยอมรับและเป็นที่นิยมทั่วโลก เนื่องจากเป็นอัญมณีที่มีทั้งความสวยงามเป็นประกาย และยังมีความแข็งแรง ทำให้เพชรเป็นอัญมณีที่มีมูลค่าสูงและมีคุณค่าทางจิตใจต่อทุกฝ่าย สำหรับผู้ที่สนใจเกี่ยวกับเพชร ควรมาทำความรู้จักกับ 4C เพชร บอกได้เลยว่าเป็นตัวช่วยสำคัญในการพิจารณาเลือกดูหรือเลือกซื้อเพชรให้ได้เพชรน้ำดีสวยงามสมราคา หากอยากรู้แล้วว่า 4C เพชรคืออะไร และ 4C เพชรมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย
4C เพชร คือ เป็นหลักการในการประเมินคุณภาพหรือคุณลักษณะของเพชร ซึ่งเป็นหลักสากลที่ถูกกำหนดขึ้นโดยสถาบัน GIA (Gemological Institute of America) ซึ่งเป็นสถาบันด้านอัญมณีของประเทศสหรัฐอเมริกาที่น่าเชื่อถือและได้รับยอมรับมากที่สุดทั่วโลก หลัก 4C เพชรจึงเป็นหลักมาตรฐานที่ใช้กันทั่วโลก ในการให้คะแนนเพื่อใช้สำหรับบอกระดับคุณภาพ เกรด หรือ value ของเพชรนั้นๆ โดยมักถูกนำมาใช้เป็นหลักที่ช่วยในการเลือกซื้อเพชร
4C ของเพชรนั้นเป็นหลักมาตรฐานสากลที่ทั่วโลกให้การยอมรับใช้ประกอบการพิจารณาเลือกซื้อเพชร ให้ได้เพชรที่ตรงกับความต้องการ แน่นอนว่าหากเพชรนั้นยิ่งมีคุณภาพในด้านต่างๆ ของแต่ละ C ดีมากเท่าไรก็จะส่งผลให้เพชรนั้นๆ มีมูลค่าที่สูงขึ้นตามไปด้วย ดังนั้นเพชร 4C จึงมีความสำคัญต่อการเลือกซื้อเพชรของแต่ละคน เพราะหากมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องการเลือกเพชร 4C ก็จะทำให้ผู้ที่กำลังสนใจและต้องการที่จะซื้อเพชร สามารถมีตัววัดที่จะมาช่วยตัดสินใจการดูอย่างไรให้ได้เพชร 4C ที่มีความสวยงาม มีคุณภาพเหมาะสมกับมูลค่าราคาที่ซื้อนั่นเอง
หลัก 4C ของเพชรนั้นประกอบไปด้วยตัว C ทั้งหมด 4 ตัวซึ่งแต่ละตัว หมายถึงคุณสมบัติหรือคุณลักษณะของเพชร 4 อย่างที่นำมาใช้ในการประเมินคุณภาพของเพชร โดย 4C จะประกอบไปด้วย
หากอยากรู้แล้วว่า 4C ทั้ง 4 ตัวนั้นแต่ละตัวคืออะไร และจะมีรายละเอียดอย่างไรบ้างไปดูกันเลย
Carat กะรัต หรือ น้ำหนักของเพชรเป็นหน่วยวัดอย่างหนึ่ง ที่ใช้ในการชั่งน้ำหนักของเพชร โดยเพชร 1 กะรัต จะมีน้ำหนักเท่ากับ 0.2 กรัม หรือ 200 มิลลิกรัม โดยสำหรับเพชรที่มีน้ำหนักไม่ถึง 1 กะรัต จะมีหน่วยเรียกย่อยเป็น หน่วย point หรือที่คนไทยหลายๆ คนนิยมใช้เรียกกันคือหน่วย “ตัง”
โดยเพชร 1 กะรัตจะเท่ากับ 100 ตัง เช่น เพชร 30 ตัง ก็คือเพชร 0.30 กะรัตนั่นเอง กะรัตของเพชรจะได้จากการใช้เครื่องมือชั่งที่มีความละเอียดและความเที่ยงตรงสูงสำหรับชั่งน้ำหนักของเพชร ทำให้กะรัตเป็นหน่วยวัดที่สามารถระบุออกมาเป็นตัวเลขได้ชัดเจน
โดยทั่วไปพบว่าราคามีความสัมพันธ์กับกะรัตหรือน้ำหนักของเพชรในทิศทางเดียวกัน คือเพชรที่มีน้ำหนักมากกว่าก็จะมีราคาที่สูงกว่า แต่ว่าราคาของเพชรจะไม่ได้เพิ่มขึ้นตามน้ำหนักเพชรในอัตราส่วนที่คงที่โดยจะเพิ่มขึ้นแบบอัตราก้าวกระโดด เนื่องจากราคาของเพชรที่เพิ่มขึ้น จะเพิ่มขึ้นตามความหายากของเพชร ยิ่งเป็นเพชรเม็ดใหญ่ก็จะยิ่งหาได้ยากมากขึ้น ทำให้ราคาของเพชรสูงตาม หากจะพูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็ขอยกตัวอย่างเช่น การที่ราคาของเพชรน้ำหนัก 2 กะรัต จะมากกว่า 2 เท่าของราคาของเพชรน้ำหนัก 1 กะรัต
Color หรือ สีของเพชร ส่วนใหญ่ที่พบกันมักจะเป็นเพชรที่เป็นสีใส ไม่มีสี แต่ความจริงแล้วยังมีเพชรสีอื่นๆ อีกหลายสีเพียงแต่อาจจะมีอยู่น้อยและหาได้ยากกว่าเพชรสีใส จึงไม่ค่อยได้เห็นเพชรสีอื่นกันเท่าไรนัก โดยสามารถแบ่งสีของเพชรออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ ด้วยกัน
ในการระบุเกรดของสีเพชรอาจจะเป็นการยากสำหรับคนทั่วไป โดยเฉพาะระดับสีในกลุ่ม Colorless และ Near Colorless จึงต้องใช้การประเมินจากผู้เชี่ยวชาญภายใต้การควบคุมแสงไฟที่เหมาะสม โดยเปรียบเทียบกับเพชรต้นแบบ ที่เรียกว่า Masterstone Set ซึ่งมีการกำหนดค่าสีแต่ละเกรดไว้ใช้สำหรับเทียบให้ได้เกรดสีที่มีความถูกต้องแม่นยำ
ความสะอาดของเพชรก็ยังคงมีผลต่อราคาของเพชร หากเพชรเม็ดใดมีตำหนิขนาดเล็กหรือมีมลทินน้อยก็จะยิ่งทำให้เพชรเม็ดนั้นมีราคาที่สูงขึ้นตามระดับความสะอาดของเพชรที่มากขึ้น
Cut หรือ การเจียระไนเหลี่ยมเพชรซึ่งมีความสำคัญต่อความสวยงามของเพชรอย่างมาก เนื่องจากส่งผลโดยตรงต่อลักษณะของเพชรเกี่ยวกับการสะท้อนแสงได้แก่ ประกาย (Brilliancy), ไฟหรือการกระเจิงของแสง (Fire) และความแวววาว (Scintillation) ซึ่งการเจียระไนเพชรนั้นถือเป็นสิ่งที่วิเคราะห์และประเมินได้ยากมากที่สุดในหลัก 4Cเพชร โดยแบ่งประเภทการเจียระไนออกได้เป็น 2 กลุ่ม คือ
การเจียระไนของเพชรสามารถแบ่งเกรดออกเป็น 5 ระดับ ได้แก่ Excellent, Very Good, Good, Fair และ Poor โดยเพชรที่มีระดับการเจียระไนที่ดีที่สุดจะถูกเรียกว่าเป็น Triple Excellent Cut (3Ex) คือมีคุณสมบัติที่ดีเยี่ยม (Excellent) ทั้ง 3 ด้าน
3 คุณสมบัติหลักที่นำมาใช้ในการประเมินเกรดของการเจียระไนเพชร ได้แก่
การเลือกเพชรที่ดี คุณภาพเหมาะสมกับราคา จะต้องมีมาตรฐานรองรับ ยิ่งถ้าหากเป็นเพชรใบเซอร์ เรายิ่งต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ นอกจากดูเรื่องราคา ยังต้องมีความเข้าใจถึงเรื่อง 4Cs สำหรับเพชรของ Aurora Diamond นั้นมีความพิเศษตรงที่มีเพชรที่ได้รับการรับรองตามหลัก 5C ซึ่งเป็นหลักมาตรฐานที่ได้รับการรับรองจากสถาบัน De Beers ซึ่งเป็นสถาบันระดับโลกจากประเทศอังกฤษ โดยมีจุดเด่นที่แตกต่างจากใบเซอร์รับรองเพชรจากสถาบันอื่นๆ โดยทั่วไป คือมีการใช้มาตรฐาน 5C’s ในการรับรองคุณภาพของเพชรโดยมี C ตัวที่ 5 ที่เพิ่มขึ้นมาจากหลัก 4C นั่นก็คือ “Confidence” เนื่องจาก De Beers เป็นสถาบันที่จะออกใบรับรองให้กับเพชรแท้เท่านั้น จึงมั่นใจได้ว่าเพชรทุกเม็ดที่ได้รับการรับรองจะเป็นเพชรแท้ที่มาจากธรรมชาติ 100% ไม่ใช่เพชรที่มาจากการสังเคราะห์อย่างแน่นอน
เพชร 4C คือ หลักการที่ได้รับการยอมรับให้เป็นมาตรฐานในการใช้ประเมินคุณลักษณะของเพชร ซึ่งถูกกำหนดขึ้นโดยสถาบัน GIA โดย 4C นั้นประกอบไปด้วย Carat (กะรัตหรือน้ำหนักของเพชร), Color (สีของเพชร), Clarity (ความสะอาดของเพชร) และ Cut (การเจียระไนเพชร) ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญที่นำมาใช้ช่วยในการพิจารณาเลือกซื้อเพชรตาม 4C เนื่องจากมีผลต่อความสวยงามและมูลค่าของเพชร หากใครที่อยากได้เพชรดีๆ สามารถแวะมาได้ที่ Aurora ที่มีเพชร 5C’s ให้ทุกคนได้ชมและเลือกซื้อ พร้อมใบเซอร์รับรองจากสถาบันชั้นนำที่มั่นใจได้ว่าคุณจะได้แต่เพชรดีมีคุณภาพกลับไปแน่นอน