บทความ | 4610 วิว
เครื่องประดับมีอยู่มากมายหลายประเภท แต่ละประเภทก็มีวิธีการดูแลรักษาที่แตกต่างกันไป ส่วนการดูแลรักษาเครื่องประดับให้สวยงาม ถูกต้องเหมาะสมกับประเภทนั้นๆ ต้องทำอย่างไรให้คงความหรูหรา เงางาม ดูเหมือนใหม่ไปตลอด สามารถติดตามได้จากบทความนี้ที่จะบอกถึงวิธีดูแลเครื่องประดับอย่างละเอียด
เครื่องประดับเป็นหนึ่งในสิ่งที่เสริมบุคลิก และเพิ่มความโดดเด่น ความสวยงาม ให้กับการแต่งกายแต่ละโอกาส รวมถึง การให้เป็นของขวัญโอกาสพิเศษก็ได้อีกเช่นกัน เชื่อว่าทุกคนทั้งหมดต้องให้ความชื่นชอบในเครื่องประดับแต่ละประเภทกันอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น สร้อยคอ แหวน กำไล ต่างหู และอื่นๆ อีกมากมายที่มีวัสดุคุณภาพดีเยี่ยมในการผลิตออกมา เพื่อแสดงฐานะผู้สวมใส่
การดูแลรักษาเครื่องประดับให้ถูกต้องตามการผลิตจากวัสดุมากมายอย่างเครื่องประดับประเภททองคำ เครื่องประดับประเภททองคำขาว เครื่องประดับประเภทเพชร เครื่องประดับประเภทเงิน และเครื่องประดับประเภทมุก ที่ได้รับความนิยมในการผลิตอย่างมากของอุตสาหกรรมด้านนี้โดยเฉพาะ ดังนั้น จึงมีรายละเอียดที่แตกต่างกันให้ผู้ซื้อที่สนใจได้พิจารณาตามคุณสมบัติ และวิธีการดูแลรักษาเครื่องประดับ ดังนี้
หากพูดถึงเครื่องประดับประเภทที่ทำมาจากทองคำแล้ว มักจะมีการนำทองคำที่มีหน่วยวัดเป็น ทองคำ K หรือ Karat (กะรัต) มาผลิตเป็นหนึ่งในรูปแบบของเครื่องประดับที่มีมูลค่าอย่างมาก ซึ่งจะมีตั้งแต่น้ำหนักขนาดที่ต่างกันไป
แต่ขนาดมาตรฐานที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดจะเป็นขนาด 18K เพราะมีคุณภาพสูง และราคาที่เหมาะกับผู้ซื้อได้คุ้มค่ามากอีกด้วย เนื่องจากเนื้อทองคำแบบ 18K จะมีความแข็งแรงทนทานสูงมากที่สุด พร้อมกับเป็นขนาดที่สามารถฝังวัสดุที่มีมูลค่าอื่นๆ ลงไปด้วยได้ เช่น ทองแดง ทองขาว เพชร หรืออื่นๆ สามารถสวมใส่ในชีวิตประจำวันได้โดยที่ไม่เกิดความเสียหายใดๆ อีกด้วย หรือจะมอบเป็นของขวัญ รวมถึง การซื้อเก็บไว้เพื่อเพิ่มมูลค่าของการลงทุนก็ได้เช่นกัน
วิธีการดูแลรักษาเครื่องประดับประเภททองคำ สามารถทำได้ตามวิธีที่ถูกต้อง ดังนี้
หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสารเคมี
ทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ
หลีกเลี่ยงการสวมใส่ในระหว่างกิจกรรมบางอย่าง
การทำความสะอาดเครื่องประดับประเภททองคำนี้ เป็นหนึ่งในเครื่องประดับที่ดูแลรักษาได้ง่ายที่สุด จึงได้รับความนิยมอย่างมากด้วยเช่นกันในการเลือกสวมใส่ในชีวิตประจำวัน ซึ่งวิธีการล้างเครื่องประดับทองคำ มีหลักพื้นฐาน ดังนี้
วิธีที่ 1 ทำความสะอาดโดยแช่เครื่องประดับทองลงในน้ำอุ่นผสมกับน้ำยาล้างจาน แล้วขัดเพียงเบาๆ ด้วยแปรงสีฟันขนนุ่ม แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด เท่านี้ก็ขจัดคราบหมองได้เหมือนใหม่
วิธีที่ 2 ทำความสะอาดโดยใช้แปรงสีฟันขนนุ่มแปรงทำความสะอาดตัวเครื่องประดับทองคำไปทั่วๆ ด้วยการชุบยาสีฟันแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด ก็จะเป็นการขัดเงาได้ดีเช่นกัน
วิธีที่ 3 ทำความสะอาดด้วยการแช่น้ำมะนาวทิ้งไว้ข้ามคืน หรือประมาณ 1 วันเต็ม แล้วหลังจากแช่ทิ้งไว้เรียบร้อย ให้ถูเครื่องประดับเบาๆ ก็จะพบว่าคราบสกปรกต่างๆ หลุดออกมาง่ายมาก และเครื่องประดับเองก็มีความเงางามเหมือนเดิมทันที
วิธีที่ 4 หากเป็นเครื่องประดับทองคำที่มีการฝังลวดลายทองนั้น แนะนำให้ทำความสะอาดโดยการแช่ลงไปในน้ำร้อนจัด แล้วผสมโซเดียมไบคาร์บอเนตประมาณหนึ่งหยิบมือ ใช้เวลาในการแช่เพียงแค่ 30 วินาทีเท่านั้นต่อ 1 ชิ้น ควรแช่ทำความสะอาดทีละชิ้นด้วย แล้วนำขึ้นมาเช็ดด้วยผ้าเนื้อนิ่มได้เลย เท่านี้ก็เงางามทันที ไม่แนะนำให้ใช้กับเครื่องประดับประเภทวัสดุอื่นๆ นอกเหนือจากทองคำ 18K
การเก็บรักษาเครื่องประดับประเภททองคำนั้น ควรเก็บแยกชิ้นจากกันในแต่ละบรรจุภัณฑ์ ไม่ควรเก็บรวมกันโดยเด็ดขาด เพราะเมื่อทองคำเกิดการขูดหรือเสียดสีกันเล็กๆ น้อยๆ ก็จะเป็นรอยขึ้นมาได้ชัดเจนทันที เกิดความเสียหายจากวัสดุประเภทเดียวกันง่ายมาก แต่หากจำเป็นต้องเก็บเครื่องประดับทองคำไว้ใกล้ๆ กัน สามารถใช้กระดาษทิชชูหรือสำลีในการห่อรองป้องกันความเสียหายแต่ละชิ้นไว้ได้
ข้อควรระวังในการใช้งานเครื่องประดับประเภททองคำนี้ ต้องระวังอย่างมากเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ต่างๆ สำหรับการก่อให้เกิดความเสียหายต่อวัสดุประเภททองคำ เช่น
การลงสระว่ายน้ำ หรือการถูกกับคลอรีนโดยตรง จะทำลายผิวของทองคำออกได้
หากต้องแช่ตัวให้อ่างอาบน้ำร้อนจัด แช่ออนเซ็น ต้องถอดเก็บไว้ทันที ถึงแม้ว่าการทำความสะอาดด้วยน้ำร้อนจัดหรือน้ำเดือดๆ จะเป็นการดูแลรักษาเครื่องประดับทองคำที่ถูกต้อง แต่แช่นานมากเกินไปจะมีแต่ข้อเสีย
ห้ามโดนเครื่องสำอาง โลชั่น หรือสเปรย์ต่างๆ เพราะจะถูกส่วนประกอบของชั้นไขมันเคลือบผิวทองคำ แล้วความเงางามจากเนื้อทองแท้จะลดลงอย่างชัดเจน เสียหาย ยากต่อการทำความสะอาดให้กลับมาเหมือนใหม่
ทองคำขาว เป็นหนึ่งในวัสดุการผลิตเครื่องประดับที่ได้รับความชื่นชอบของผู้ซื้อ เป็นเพราะคุณสมบัติของตัวทองคำขาวจะมีความเย็นในการสวมใส่จากตัวเงิน หรือตัววัสดุหลักที่ได้รับทองคำขาวหล่อหลอมเข้าไปผสมผสานด้วย ทำให้ใส่แล้วรู้สึกสบาย ไม่หนัก และมีอายุของสินค้าที่ยืนยาว
วิธีการดูแลรักษาเครื่องประดับที่ง่ายมาก ถึงแม้ว่าด้วยคุณสมบัติของทองคำขาวจะไม่หมอง และเกิดความเสียหายได้ยากมาก แต่การดูแลรักษาก็ยังคงจำเป็นด้วยเช่นกัน เพื่อรักษาคุณสมบัติความแวววาว และความเงางามของตัวทองคำขาวไว้ให้ได้เต็มที่ ยิ่งใครที่เลือกสวมใส่ในชีวิตประจำวันก็ต้องทำความสะอาดเพื่อขจัดสิ่งสกปรกที่เกาะติดสะสมมา ทั้งคราบไขมัน และสารตกค้างอื่นๆ ที่ก่อให้เกิดการทำลายพื้นผิวเนื้อของเครื่องประดับจนหมองคล้ำได้
วิธีการดูแลรักษาเครื่องประดับประเภททองคำขาว สามารถทำได้ตามขั้นตอนที่ถูกต้อง ดังนี้
หากต้องอาบน้ำ หรือว่ายน้ำ แนะนำให้ถอดเครื่องประดับทองคำขาวออกเท่านั้น
ห้ามโดนสารเคมีที่เป็นประเภทสารรุนแรงรูปแบบต่างๆ เช่น คลอรีน แอมโมเนีย แอลกอฮอล์ 100 % เป็นต้น
การทำความสะอาดเครื่องประดับประเภทนี้ทองคำขาวให้คงความแวววาว และเงางามตามคุณสมบัติได้ระยะยาว สามารถทำได้อย่างถูกวิธี ดังนี้
วิธีที่ 1 ทำความสะอาดโดยแช่เครื่องประดับทองคำขาวลงไปในน้ำอุ่นที่ผสมกับน้ำยาล้างจานเพียงเล็กน้อยแค่ 2–3 หยด โดยใช้เวลาในการแช่ประมาณ 10–15 นาที ค่อยนำขึ้นมาล้างน้ำสะอาดแล้วเช็ดให้แห้ง
วิธีที่ 2 การใช้น้ำสะอาดผสมกับเบกกิ้งโซดา แล้วใช้แปรงสีฟันขนนุ่มในการขัดทำความสะอาดให้แวววาวกลับมาได้ง่ายมาก เพราะการผสมน้ำกับเบกกิ้งโซดาจะทำให้คุณสมบัติออกมาคล้ายกับครีมทำความสะอาดนั่นเอง
การเก็บรักษาเครื่องประดับประเภททองคำขาวนั้น แนะนำให้เก็บไว้ในที่จัดเก็บต่างๆ อย่างเป็นระเบียบ เรียงแยกตำแหน่งกันให้มีพื้นที่เพียงพอลงบนพื้นผิวผ้าที่มีเนื้อนุ่มสูง เหมาะกับการวางเครื่องประดับทอง และจิวเวลรี่ทุกประเภท ไม่ควรให้เสียดสี และห้ามโยนเครื่องประดับทองคำขาวเด็ดขาด ไม่ว่าจะโยนแบบใด พื้นที่แบบไหนก็ตาม เพื่อป้องกันความเสียหายในทุกรูปแบบ
ข้อควรระวังในการใช้งานเครื่องประดับประเภททองคำขาวนี้ ดังนี้
หากต้องการหยิบเครื่องประดับทองคำขาวขึ้นมาดู หรือมาตรวจสอบ ต้องระมัดระวังให้มากที่สุด และเมื่อพบการเสียหายหรือการชำรุด ต้องรีบซ่อมแซมในทันที
การดูแลรักษาควรเป็นอุปกรณ์ที่มีความนิ่มและอ่อน ระวังเรื่องขนแปรงและประเภทผ้าให้มาก
เครื่องประดับประเภทเพชร จัดได้ว่าเป็นเครื่องประดับที่มูลค่าสูงมาก และมีให้เลือกหลากหลายราคา มีรายละเอียดที่ค่อนข้างล้ำลึก โดดเด่น มีเสน่ห์ต่อผู้สวมใส่ทุกเพศ ทุกวัย และทุกโอกาสอย่างมาก ซึ่งจุดเด่นของเครื่องประดับเพชรจะเป็นเรื่องความแวววาว ความระยิบระยับ และความทนทานของตัวผลึกเอง
ส่วนวิธีล้างเพชรให้ใส หรือการทำความสะอาดดูแลรักษาก็ง่ายมาก ทุกคนสามารถทำได้เองที่บ้าน โดยตัวเพชรเองเรียกได้ว่าเป็นแร่ชนิดหนึ่งที่แทบไม่มีสีในการมองด้วยตาเปล่า และมีการหักเหของแสงสูง จึงโดดเด่นอย่างมากเมื่อนำมาทำเป็นเครื่องประดับร่วมกับวัสดุใดๆ ก็ตาม
วิธีการดูแลรักษาเครื่องประดับประเภทเพชรนี้ สามารถทำได้ง่ายๆ จากอุปกรณ์ที่มีทั่วไป ดังนี้
เลี่ยงการสัมผัสเครื่องประดับประเภทเพชรให้น้อยที่สุด เพราะชั้นผิวของคนเรามีน้ำมันเป็นธรรมชาติ ดังนั้น การที่จับต้องบ่อยๆ ก็ก่อให้เกิดการสะสมของคราบไขมันโดยไม่รู้ตัว ลดความแวววาวได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย รวมถึง สิ่งสกปรกต่างๆ ที่จะเกาะติดเครื่องเพชรไปเช่นกัน
ห้ามให้โดนผลิตภัณฑ์ความงามทุกรูปแบบ ทั้งเครื่องสำอาง โลชัน ครีมทา สเปรย์ และอื่นๆ ทั้งหมด เพราะจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อเครื่องประดับเพชรได้โดยตรง
สามารถทำความสะอาดเบื้องต้นจากการใช้ผ้าเนื้อนิ่ม ผ้านาโนไฟเบอร์ในการเช็ดแห้งทำความสะอาดสิ่งสกปรกได้ทุกวัน
การทำความสะอาดเครื่องประดับเพชร และวิธีล้างเพชรให้ใส ล้างเพชรให้เงานั้น สามารถทำได้ง่ายๆ ที่บ้าน โดยมีขั้นตอนที่ถูกต้อง ดังนี้
ให้นำน้ำอุ่นผสมกับน้ำยาล้างจานประมาณ 2–3 หยด แล้วผสมให้เข้ากัน
นำเครื่องประดับเพชรลงไปแช่ในน้ำที่เตรียมไว้นี้ ประมาณ 10–15 นาที แนะนำให้ทำทีละชิ้น
เมื่อครบเวลาแล้วจะเห็นได้ว่าเริ่มมีคราบสกปรกต่างๆ หลุดออกมา และตัวเครื่องประดับเริ่มกลับมาเปล่งประกายทันที
นำเครื่องประดับเพชรขึ้นมาขัดเบาๆ ทำความสะอาดคราบทุกอย่างด้วยแปรงขนอ่อน แปรงสีฟันขนนุ่มไปทั่วๆ
สำหรับจุดที่แนะนำในการขัด เริ่มจากบริเวณหน้าเม็ดเพชร แล้วไปยังบ่าข้าง แล้วก็ซอกเล็กๆ ของเครื่องประดับ ปิดท้ายที่ด้านท้ายของเครื่องประดับ
เมื่อทำความสะอาดเสร็จให้นำไปล้างด้วยน้ำสะอาด เช็ดด้วยผ้าแห้งเนื้อนิ่มซับเบาๆ
การเก็บรักษาเครื่องประดับเพชร แนะนำให้จัดเก็บแบบไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยงของการกระทบ การขูด ขีด และข่วนจากวัตถุอื่นๆ ถึงแม้ว่าเพชรจะไม่สามารถเกิดรอยจากสิ่งอื่นๆ นอกจากเพชรด้วยกันได้ แต่ป้องกันความเสียหายแม้จะเพียงเล็กๆ น้อยๆ แล้วสะสมเป็นเวลานานได้เช่นกัน เป็นผลลัพธ์การรักษาสภาพระยะยาว
ข้อควรระวังในการใช้งานเครื่องประดับประเภทเพชรนี้ มีข้อห้ามหลักๆ พร้อมกับข้อควรระวังที่หลายๆ คนสงสัยอย่างมากว่า แหวนเพชรโดนแอลกอฮอล์ได้ไหม ต้องขอแนะนำข้อควรระวังโดยรวม ดังนี้
ห้ามใส่อาบน้ำ แช่น้ำ หรือว่ายน้ำเด็ดขาด
ห้ามโดนผลิตภัณฑ์ด้านความงามทุกชนิด เช่น ครีมบำรุง สเปรย์ โลชัน เครื่องสำอางทุกอย่าง เพราะผลิตภัณฑ์เหล่านี้มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์
ไม่ควรโดนแอลกอฮอล์เด็ดขาด ไม่ว่าจะกี่เปอร์เซ็นต์ก็ไม่แนะนำ
เมื่อต้องการตรวจสอบ หรือทำความสะอาดเครื่องประดับเพชร แนะนำให้สวมถุงมือก่อน และควรมีอุปกรณ์ในการรองวางใส่เครื่องประดับระหว่างตรวจสอบหรือทำความสะอาดด้วย เช่น จานใส่เครื่องประดับ เป็นต้น
เครื่องประดับประเภทที่ทำมาจากโลหะเงิน สามารถเข้าถึงผู้ซื้อ ผู้สวมใส่ได้ง่ายมากที่สุด เป็นที่นิยมในการนำมาออกแบบทำเครื่องประดับใหม่ๆ เพราะเครื่องประดับเงินจะมีมูลค่าที่เข้าถึงได้ทุกเพศ ทุกช่วงวัย และสามารถดูแลเครื่องประดับประเภทเงิน เพื่อรักษาความเงางาม และคุณสมบัติหลักของโลหะประเภทนี้ไว้ได้ยาวๆ เหมือนใหม่ตลอดเวลาได้ ดังนี้
วิธีการดูแลรักษาเครื่องประดับประเภทเครื่องเงินนี้ สามารถทำได้ง่ายมากกว่าเครื่องประดับอื่นๆ หลายเท่า โดยมีขั้นตอนการดูแลรักษาเครื่องประดับหลัก ดังนี้
หลีกเลี่ยงการใช้งานที่เสี่ยงให้เกิดรอยขีดข่วนหรือคราบดำต่างๆ เมื่อต้องเผชิญมลภาวะเหล่านี้ แนะนำให้ถอดเครื่องประดับเก็บไว้ก่อน
ควรทำความสะอาดทุกครั้งหลังใช้เสร็จ เพราะเครื่องประดับเงินสามารถหมองดำขึ้นได้ง่ายมากจากการสัมผัสกับเหงื่อของเรา ส่วนการทำความสะอาดเบื้องต้นทุกๆ วัน สามารถใช้น้ำสบู่ น้ำยาล้างจาน ร่วมกับน้ำสะอาดก่อนได้ แต่ถ้ามีน้ำยาขัดเครื่องเงินติดไว้อยู่แล้วก็ใช้ได้เลย
ไม่ควรสัมผัสโดนผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ หรือผลิตภัณฑ์ประเภทดูแลร่างกายและเครื่องสำอาง เช่น น้ำหอม โลชัน ครีม สเปรย์ และอื่นๆ เป็นต้น
วิธีการทำความสะอาดเครื่องประดับประเภทเครื่องเงินนั้น ทำได้ง่ายมากที่สุด และมีหลากหลายวิธี พร้อมทำได้เองที่บ้านทุกวัน ทุกเวลา ดังนี้
วิธีที่ 1 ใช้ยาสีฟัน และแปรงสีฟันขนนุ่มในการขัดทำความสะอาด คุณสมบัติจะคล้ายกับน้ำยาเช็ดเครื่องเงินอย่างมากสำหรับวิธีนี้ เมื่อทำความสะอาดเสร็จ ให้ล้างออกด้วยน้ำสะอาดแล้วเช็ดให้แห้งด้วยผ้าเนื้อนิ่ม
วิธีที่ 2 แช่เครื่องประดับเงินลงในน้ำอุ่นผสมกับน้ำยาล้างจานเล็กน้อย แล้วขัดด้วยแปรงสีฟันขนอ่อน ก่อนจะล้างออกด้วยน้ำสะอาดแล้วเช็ดให้แห้งด้วยผ้าเนื้อนิ่ม
วิธีที่ 3 ใช้น้ำยาล้างเครื่องเงินโดยตรง ราคาถูก หาซื้อได้ง่ายตามร้านขายเครื่องเงินทั่วไป
วิธีที่ 4 ขัดล้างเครื่องประดับเงินด้วยการผสมน้ำอุ่นกับเบกกิ้งโซดาให้เข้ากันจนดูคล้ายเนื้อครีม แล้วนำมาขัดด้วยแปรงสีฟันขนนุ่มลงบนเครื่องประดับเงินจนคราบสกปรกหลุดหมด จึงล้างด้วยน้ำสะอาดและเช็ดด้วยผ้าแห้งเนื้อนุ่ม
วิธีที่ 5 สามารถใช้คุณสมบัติของน้ำมะนาว น้ำมะขาม มะเขือเทศ หรือผลไม้ที่มีกรดอ่อนธรรมชาติในการเช็ดล้างได้
การเก็บรักษาเครื่องประดับประเภทเครื่องเงินนี้ ควรเก็บไม่ให้โดนแสงแดด และไม่ควรโดนลม ควรจัดเก็บในที่แห้งเย็นด้วยอุณหภูมิ ไม่ได้เป็นพื้นที่เย็นเพราะความชื้น และใช้ผ้ารองเนื้อนิ่มมาวางไว้ในกล่องจัดเก็บ แนะนำให้จัดเก็บไว้ในกล่องเข้าไปยังตู้ลิ้นชักที่ปิดสนิท และสามารถนำออกมาทำความสะอาดได้บ่อยตามต้องการ
ข้อควรระวังในการใช้งานเครื่องประดับประเภทเครื่องเงินนี้ มีข้อห้ามเพียงไม่กี่อย่างเท่านั้น และดูแลรักษาได้ง่ายอย่างมาก ซึ่งข้อที่ต้องระวังหลักๆ ได้แก่
ระวังการสวมใส่ในชีวิตประจำวัน เพราะก่อให้เกิดรอยขีดข่วนง่ายมาก ร่องรอยเหล่านี้ไม่สามารถฟื้นฟูได้
ไม่ควรให้สัมผัสกับแอลกอฮอล์ ดังนั้น ทุกครั้งที่แต่งตัว แต่งหน้า หรือดูแลตนเองในชีวิตประจำวันอยู่ ไม่ควรสวมใส่เครื่องประดับ
ไข่มุก เป็นวัสดุสำหรับการทำเครื่องประดับที่ล้ำค่า มูลค่าสูงมาก และการดูแลรักษาที่ค่อนข้างละเอียดอ่อนด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้น การนำไข่มุกมาทำเครื่องประดับต่างๆ สักหนึ่งชิ้นนั้น จึงมีราคาที่พร้อมนำเสนอให้สวมใส่เองตามโอกาสสำคัญ หรือมอบให้เป็นของขวัญ รวมถึง การใช้เป็นการลงทุนก็ได้อีกด้วย เพราะฉะนั้น ด้วยความละเอียดอ่อนของตัววัสดุนี้ จึงทำให้ความเสียหายเกิดระหว่างการทำความสะอาดบ่อยมาก อาจต้องมีการดูแลรักษาเครื่องประดับอย่างถูกวิธี
วิธีการดูแลรักษาเครื่องประดับประเภทไข่มุกนั้น สามารถทำได้อย่างทะนุถนอม และง่ายต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันมากกว่าที่คิด ดังนี้
การนำเครื่องประดับมุกมาสวมใส่บ่อยๆ เพราะตัวไข่มุกจะดูดซับความชุ่มชื่น และไขมันธรรมชาติของผิวหนังร่างกายมนุษย์เราได้ เพิ่มความแวววาวระหว่างสวมใส่ได้ดีขึ้น เนื่องจากไข่มุกก็เป็นวัสดุธรรมชาติที่มาจากหอยมุกด้วยเช่นกัน
ไม่ควรมีการขัดถูบ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อผ้านิ่มหรือแปรงขนนุ่มก็ตาม ยิ่งถ้าเป็นผ้าเนื้อหยาบและแปรงแข็ง ต้องหลีกเลี่ยงโดยทันที
ห้ามฉีดน้ำหอมหรือสเปรย์ต่างๆ รวมถึง ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ลงไปบนไข่มุกเด็ดขาด
ห้ามสวมใส่เครื่องประดับมุกในการอาบน้ำ.โดยเด็ดขาด
การทำความสะอาดเครื่องประดับประเภทมุกนี้ ทำได้เองทุกคน ถึงแม้ว่าจะมีความละเอียดอ่อนมาก แต่ก็สามารถดูแลได้ไม่ยากอย่างที่คิด ดังนี้
ให้นำน้ำอุ่นอุณหภูมิเบาๆ ไม่ต้องอุ่นร้อน มาผสมตีเข้ากับสบู่เด็กจนกลายเป็นฟองโฟม
นำฟองโฟมที่ตีได้ มาทำความสะอาดเครื่องประดับมุกแบบเบามือที่สุด ห้ามแช่ลงไปโดยเด็ดขาด
เมื่อทำความสะอาดแล้วให้ล้างออกด้วยน้ำสะอาดอุณหภูมิปกติ และซับแห้งเบาๆ ด้วยผ้าเนื้อนิ่ม
ในการทิ้งเครื่องประดับไข่มุกให้แห้ง สามารถวางกระจายพื้นที่ไว้บนผ้าเนื้อนุ่มแล้วรอแห้งเองได้เลย
การเก็บรักษาเครื่องประดับประเภทไข่มุกนี้ ต้องมีความใส่ใจอย่างมาก ซึ่งแนะนำวิธีดังนี้
ห้ามวางเครื่องประดับมุกไว้ยังพื้นที่ที่มีฝุ่นละอองสามารถมาเกาะได้ แนะนำให้จัดเก็บไว้ในภาชนะที่อากาศถ่ายเทไหลเวียนได้ภายใน หรือเป็นถุงหุ้มกำมะหยี่ก็ได้
ห้ามเก็บเครื่องประดับมุกรวมถึงเครื่องประดับประเภทอื่นๆ โดยเด็ดขาด เพื่อป้องกันการขีดข่วนและความเสียหายของการกระทบกัน
แนะนำให้สวมใส่เครื่องประดับไข่มุกเป็นประจำ เพื่อรับความชุ่มชื่นจากผิวธรรมชาติของเรา
ห้ามใส่เครื่องประดับมุกอาบน้ำ แช่น้ำ หรือว่ายน้ำเด็ดขาด
ห้ามให้เครื่องประดับมุกโดยสารซักฟอก หรือแอลกอฮอล์โดยเด็ดขาด
ข้อควรระวังในการใช้งานเครื่องประดับประเภทนี้ เมื่อกำลังสวมใส่อยู่ ควรระมัดระวังข้อห้ามหลักๆ ดังนี้
ห้ามให้เครื่องประดับมุกโดยกับน้ำส้มสายชู แอมโมเนีย แอลกอฮอล์ และประเภทกรดอื่นๆ ทั้งหมด โดยเด็ดขาด
ห้ามเครื่องประดับมุกโดนสารฟอกขาวที่มีคลอรีนโดยเด็ดขาด แม้แต่เข้าใกล้ก็ไม่แนะนำ เพราะจะทำให้สารเคลือบไข่มุกละลายทั้งหมดทันที
ห้ามใช้ผ้าหรือแปรงเนื้อแข็งในการสัมผัสกับไข่มุกเด็ดขาด
ห้ามใส่เครื่องประดับไข่มุกเมื่อต้องทำกิจกรรมต่างๆ ที่มีเหงื่อเยอะ
เครื่องประดับมีหลากหลายประเภทที่ได้รับความนิยม และมีมูลค่าอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น เครื่องประดับทองคำ เครื่องประดับทองคำขาว เครื่องประดับเพชร เครื่องประดับเงิน และเครื่องประดับมุก โดยแต่ละประเภทก็จะสามารถเลือกสวมใส่ให้เหมาะกับโอกาสที่แตกต่างกันไป โดยส่วนมากแล้ววัสดุหลักเหล่านี้จะสวมใส่ได้ทุกเพศทุกวัย รวมถึงการให้เป็นของขวัญก็ได้อีกด้วย ถึงแม้ว่าไม่ได้สวมใส่ตลอดเวลาก็ควรมีการเก็บรักษาและทำความสะอาดอย่างดี มีการล้างเพชรให้เงา เพื่อให้เครื่องประดับดูใหม่ สวยงาม กับเราตลอดเวลา
หากใครกำลังมองหาเครื่องประดับ ขอแนะนำ AURORA Diamond เพราะที่นี่มีเครื่องประดับหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น แหวน กำไล สร้อยข้อมือ สร้อยคอ หรือต่างหู อยู่หลากหลายประเภท ทั้งทองคำ ทองคำขาว เพชร เงิน มุก ให้เลือกมากมาย รวมถึงการบริการทุกด้านอย่างครบวงจร ตั้งแต่การแนะนำสำหรับผู้ซื้อที่ยังไม่เคยเลือกเครื่องประดับมาก่อน ความเหมาะสมกับการเลือกสรรตามการใช้งานของแต่ละท่าน รวมถึงแนะนำวิธีการดูแลรักษาอย่างถูกต้องจากผู้เชี่ยวชาญ